โครงงาน เรื่อง ขนมตาล
ขนมตาล หรือเข้าหนมบ่าตาล (อ่านว่า เข้าหนมบ่าต๋าน) มีวิธีการทำคล้ายขนมกล้วย เพียงแต่เปลี่ยนจากกล้วยน้ำว้าสุกงอมมาเป็นน้ำคั้นจากเนื้อผลตาลสุก และมีการหมักส่วนผสม หลังจากที่นวดส่วนผสมให้เข้ากันแล้ว เพื่อให้แป้งฟู น่ารับประทาน
วิธีการทำ
1. นำผลตาลสุกงอม
ปอกเปลือกแช่น้ำ ยีลูกในน้ำที่แช่ นำเนื้อตาล ใส่ในถุงผ้าแขวนไว้จนน้ำออกหมด
เหลือแต่เนื้อตาล และนำมาผสมกับแป้งข้าวเจ้า นวดให้เข้ากัน ใส่แป้ง
2. ใส่น้ำกะทิ
นวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน นวดแป้ง
3. ใส่น้ำตาลทราย
นวดต่อจนน้ำตาลละลาย หมักไว้ 1 ชั่วโมง ใส่น้ำตาลทราย
4. เตรียมกระทงใบตอง
ตัดเป็นรูปวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 4 นิ้ว เย็บสี่มุมเป็นรูปกระทง ทำกระทง
5. ตักขนมใส่กระทง
ตักขนมใส่กระทง
6. โรยมะพร้าวขูดลงบนหน้าขนม
โรยมะพร้าว
7. นำไปนึ่ง
ใช้เวลาประมาณ 20 นาที นึ่งขนม
เคล็ดลับในการปรุง/เลือกส่วนผสม
เคล็ดลับในการปรุง
หมักเนื้อตาล
ขณะที่มีอุณหภูมิค่อนข้างสูง หรือนำไปตากแดด จะทำให้ขนมตาลฟูอร่อย
เคล็ดลับในการเลือกส่วนผสม
เลือกลูกตาลที่แก่จัด
สีเหลืองสวย และมีกลิ่นหอม
อุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต
วิธีการทำ
1. นำผลตาลสุกงอม
ปอกเปลือกแช่น้ำ ยีลูกในน้ำที่แช่ นำเนื้อตาล ใส่ในถุงผ้าแขวนไว้จนน้ำออกหมด
เหลือแต่เนื้อตาล และนำมาผสมกับแป้งข้าวเจ้า นวดให้เข้ากัน ใส่แป้ง
2. ใส่น้ำกะทิ
นวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน นวดแป้ง
3. ใส่น้ำตาลทราย นวดต่อจนน้ำตาลละลาย หมักไว้ 1 ชั่วโมง ใส่น้ำตาลทราย
4. เตรียมกระทงใบตอง ตัดเป็นรูปวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 4 นิ้ว เย็บสี่มุมเป็นรูปกระทง ทำกระทง
5. ตักขนมใส่กระทง ตักขนมใส่กระทง
6. โรยมะพร้าวขูดลงบนหน้าขนม โรยมะพร้าว
7. นำไปนึ่ง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที นึ่งขนม
3. ใส่น้ำตาลทราย นวดต่อจนน้ำตาลละลาย หมักไว้ 1 ชั่วโมง ใส่น้ำตาลทราย
4. เตรียมกระทงใบตอง ตัดเป็นรูปวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 4 นิ้ว เย็บสี่มุมเป็นรูปกระทง ทำกระทง
5. ตักขนมใส่กระทง ตักขนมใส่กระทง
6. โรยมะพร้าวขูดลงบนหน้าขนม โรยมะพร้าว
7. นำไปนึ่ง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที นึ่งขนม
เคล็ดลับในการปรุง/เลือกส่วนผสม
|
เคล็ดลับในการปรุง
หมักเนื้อตาล ขณะที่มีอุณหภูมิค่อนข้างสูง หรือนำไปตากแดด จะทำให้ขนมตาลฟูอร่อย เคล็ดลับในการเลือกส่วนผสม เลือกลูกตาลที่แก่จัด สีเหลืองสวย และมีกลิ่นหอม |
อุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต
1. ลูกตาลสุก
2. ข้าวสารเก่า
2. ข้าวสารเก่า
3. แป้ง
4. น้ำตาลทราย
5. หัวกะทิ
6. มะพร้าวทึกขูดฝอย
7.เกลือป่น
1.อันดับแรกต้องลอกเปลือกลูกตาลออกให้หมด แล้วขูดเอาสีเหลืองออก
ตัวลูกตาลแช่น้ำไว้จนเนื้อลูกตาลละลายออกหมด ใช้ผ้าห่อเนื้อลูกตาล
แลน้ำที่ละลายผูกมัดปากรวมไว้ให้แน่นแขวนหรือทับไว้ให้แห้ง
ขั้นตอนการผลิต
ลูกตาลสุก ล้าง ปอก
ขูดเนื้อตาลออก
เนื้อตาลที่ได้
ส่วนเมล็ดตาลนำไปขยำกับน้ำให้เนื้อออกให้
กรองด้วยกระชอน แล้วกรองด้วยถุงผ้าขาวหนา แขวนไว้ให้น้ำตกจนหมด
ทำก่อนใช้ 1คืน
2. โม่ข้าวสารที่แช่น้ำไว้ให้ละเอียด
แล้วทับให้แห้ง
3. จากนั้นผสมข้าวสารที่โม่และทับจนแห้งแล้ว รวมกับแป้งท้าวยายม่อม และลูกตาลที่ทับจนแห้งแล้วนวดส่วนผสมทั้งหมด เข้าด้วยกันจนแป้งที่ผสมเนียนและนุ่มมือ(ประมาณ 30-60 นาที)ใส่น้ำตาลสลับกับหัวกะทิ นวดจนหัวกะทิและน้ำตาล ละลายหมด พักไว้ประมาณ5-10 ชั่วโมง
3. จากนั้นผสมข้าวสารที่โม่และทับจนแห้งแล้ว รวมกับแป้งท้าวยายม่อม และลูกตาลที่ทับจนแห้งแล้วนวดส่วนผสมทั้งหมด เข้าด้วยกันจนแป้งที่ผสมเนียนและนุ่มมือ(ประมาณ 30-60 นาที)ใส่น้ำตาลสลับกับหัวกะทิ นวดจนหัวกะทิและน้ำตาล ละลายหมด พักไว้ประมาณ5-10 ชั่วโมง
นำเนื้อตาลที่ได้มานวดกับแป้งแล้วเติมกะทิ(ผสมกับน้ำตาลทรายตั้งไฟให้เดือดพักให้เย็น)
นวดเนื้อลูกตาลกับแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน
แล้วค่อยๆเติมกะทิที่เคี่ยวไว้จนหมด
เมื่อเติมกะทิจนหมดได้ลักษณะดังภาพ ปิดฝาพักไว้ 4-5 ชั่วโมงจนขึ้นฟู
(เป็นฟองปุดๆๆ)
4. ขั้นตอนรองสุดท้ายให้ตักแป้งที่ผสมแล้วใส่กระทงหรือถ้วยตะไล
โรยมะพร้าว
แล้วนึ่งให้สุกยกลงถ้าใส่ถ้วยตะไลรอให้เย็นก่อนแล้วจึงนำออกจากถ้วยจัดใส่ภาชนะ
สรุปผลการศึกษา
การวิจัยเรื่องการทำขนมตาล
ทำให้ได้รู้ถึงรู้หลักวิธีการทำ
และวัฒนธรรมการการอนุรักษ์ของชุมชนในท้องถิ่นภาคใต้อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่สมควรรับการส่งเสริม
และอนุรักษ์ตลอดไป
จากการศึกษาพบว่า ขนมตาล เป็นขนมไทยที่นิยมกินกันมาตั้งแต่โบราณ โดยให้นำสิ่งแวดล้อมความเป็นธรรมชาติมาพัฒนาปรับปรุง
เพื่อให้เข้ากับชุมชน การทำขนมตาลเป็นอีกภูมิปัญญาหนึ่งที่เราควร อนุรักษ์ถึงวัฒนธรรมของชุมชน ที่ได้สะท้อนความเป็นอยู่ของชาวบ้านในท้องถิ่นตามที่ผู้วิจัยได้ทำการศึกษา
ประโยชน์ที่ได้รับ
1. ได้ศึกษาเกี่ยวกับวิธีการทำขนมตาล
2. เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนมีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม
และรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของท้องถิ่น
ข้อเสนอแนะ
การวิจัยเรื่อง ขนมตาล
เพื่อประกอบการศึกษาข้อมูล ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้
1. ข้อเสนอแนะทั่วไป
1.1 ควรจะนำผลจากการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ไปปรับใช้ หรือบอกต่อคนในชุมชนอื่นๆที่สนใจเพื่อการอนุรักษ์ และสืบสานต่อไป
1.2 ควรจะนำผลการศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้เผยแพร่ให้กับบุคคลที่สนใจ
เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุง
เพื่อให้เข้ากับชุมชน
2. ข้อเสนอแนะเพื่อการทำวิจัยครั้งต่อไป
2.1 ควรจะได้ศึกษา
รูปแบบวิถีชีวิตว่าการประกอบอาชีพเป็นอย่างไร
และควรจะศึกษาข้อแตกต่างจากหลายๆชุมชนเพิ่มเติม